ทานาดะ ยูกิ ผู้กำกับสาวที่ถนัดสายดราม่าอบอุ่นหัวใจ โดยครั้งนี้ได้นำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่มีเรื่องของอาชีพนักสร้างตุ๊กตายางเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งพลอตถือว่าแปลกตาดีสำหรับสายหนังโรแมนติกญี่ปุ่นโดยทั่วไป ติดตามการอัปเดตข่าวสารซีรี่ย์ใหม่ แนะนำซีรี่ย์ออนไลน์ รีวิวซีรี่ย์พีเรียดย้อนยุค ได้ก่อนใครที่นี่
เรื่องราวว่าด้วยชายหนุ่มนาม เท็ตสึโอะ (ทากาฮาชิ อิสเซย์) ผู้ที่เพิ่งเรียนจบวิทยาลัยศิลปะและบังเอิญได้มาทำงานที่โรงงานปั้นตุ๊กตายางโดยต้องเป็นลูกมือให้รุ่นเก๋าอย่างลุงคินจิ เรียนรู้ทั้งการเป็นช่างปั้นตุ๊กตายางในฐานะศิลปินและการใช้ชีวิตไปในตัว วันหนึ่งในการหาทางปั้นหน้าอกผู้หญิงให้สมจริงที่สุดเขาจึงได้พบกับ โซโนโกะ (อาโออิ ยู) นางแบบที่มาเป็นตัวอย่างหน้าอกให้ และการพบกันแค่ครั้งนั้นก็ทำให้เท็ตสึโอะตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ทันที เนื้อเรื่องช่วงนี้ผ่านไปไวจนทั้งคู่แต่งงานกัน ซึ่งผู้ชมอาจยังไม่ทันอินในความรักของ 2 ตัวละคร แต่มองในแง่หนึ่งนั่นก็เพราะหัวใจของการเล่าเรื่องมันอยู่หลังจากนี้ทำให้ผู้สร้างอาจยอมแลกช่วงปูพื้นและให้เวลากับส่วนหลังมากขึ้นนั่นเอง
เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ดูได้เพลินๆแม้จะมีความเนิบแต่พลาดไม่ได้เลยสักตอน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ดูจนจบแล้วล่ะค่ะ ซึ่งทำให้ได้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและความรักที่มีหลายแง่มุมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิตของ เท็ตสึโอะ พระเอกของเรื่องที่แม้ว่าจะคบหากับแฟนสาวอยู่ก็ตาม แต่เขากลับบ้างานมากขึ้นทุกวันจนละเลยคนรักที่อยู่ข้างๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ โซโนโกะ มีความลับบางอย่างที่ปกปิดไว้เช่นกันและไม่กล้าที่จะบอกให้แฟนหนุ่มของตัวเองได้รู้ จนทำให้พวกเขาเกือบจะพลาดช่วงเวลาดีๆที่ควรจะมีให้แก่กัน นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงมุมมองของการทำงานของช่างปั้น ที่ต้องทำงานกันอย่างละเอียดละออกมากเลยทีเดียวค่ะ จัดว่าเป็นงานศิลปะที่ไม่ด้อยไปกว่างานฝีมือด้านอื่นๆเลย
หนังฉาบหน้าด้วยอาชีพช่างทำตุ๊กตายางแต่ก็ไม่ใช่หนังแนวอาชีพอย่างที่ญี่ปุ่นถนัด และในขณะเดียวกันสโลแกนของหนังที่ว่า ตุ๊กตายางอาจไม่ใช่เรื่องของตัณหาแต่มีเรื่องราวเบื้องหลังคือความรักยิ่งใหญ่ ก็เน้นย้ำว่าหนังเรื่องนี้พูดเรื่องความสัมพันธ์ของคู่รักญี่ปุ่นเป็นหลัก ก็อาจทั้งถูกใจและไม่ถูกใจคอหนังรักญี่ปุ่นได้เช่นกัน เพราะหนังมีการเดินเรื่องแบบอิ่มอุ่น เอื่อย ๆ ไม่โฉ่งฉ่างชวนดูนัก แต่ข้อดีคือมันได้ความละมุนนุ่มลึกในแบบหนังญี่ปุ่นจริง ๆ กลับมา ฉากการสนทนาเงียบ ๆ หลาย ๆ ฉากที่ซ่อนพลังความคิดอย่างคมคายอาจถูกโฉลกนักดูหนังบางกลุ่ม แต่ก็เป็นของจืดเกินไปสำหรับคอหนังอีกกลุ่ม
แต่อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุดท้ายการแสดงของ อาโออิ และ ทากาฮาชิ ที่เป็นคู่นำก็ดึงดูดสายตาและความสนใจของเราได้แทบทุกครั้งทีเดียว และใน บทสรุป ความรู้สึกต่อหนังทั้งเรื่องไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร มองเป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องอนาจารอย่างเซ็กส์ทอย หรือเป็นหนังรักที่ทำซ้ำจนเชย แต่นี่คือหนังรักที่อาศัยความเนิ่บนิ่งค่อย ๆ กัดกินหัวใจผู้ชมด้วยเรื่องการให้ความสำคัญต่อคนข้าง ๆ ได้ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งทีเดียว
No comments:
Post a Comment